การเลือกหลอดไฟแอลอีดีหรือโคมไฟแอลอีดี จะช่วยคุณประหยัดไฟและเพิ่มความสว่างสวยงาม เพราะหลอดไฟ LED ช่วยทำให้ประหยัดไฟได้สูงสุดถึง 80% อีกทั้งยังไม่มีรังสี UV ความร้อนของหลอดน้อย อายุการใช้งานยาวนาน ทำให้บ้านหรืออาคารที่ติดตั้ง คุ้มทุนกว่าเมื่อเวลาผ่านไป
***หลอดไฟแอลอีดี (Light Emitting Diode) เป็นเทคโนโลยีของการส่องสว่างรุ่นใหม่ที่ใช้ไฟน้อย ทนทาน ให้ความ สว่างสูง เกิดความร้อนต่ำมาก***
1) ระดับความสว่างที่ต้องการ
หลอดไฟแอลอีดีLEDนั้นมีหลายเกรด บางทีโคมยี่ห้อหนึ่งมีจำนวนหลอดไฟแอลอีดี100 หลอดแต่อาจสว่างกว่าอีกยึ่ห้อที่มี 200 หลอด ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับชนิด Chip LED
***ลูเมน (lm) คือหน่วยที่ใช้วัดกำลังความสว่างหรือปริมาณแสง เมื่อเปรียบเทียบค่าลูเมนของหลอดไส้ หลอดไส้ขนาด 100 วัตต์ ให้แสงสว่าง 400 ลูเมน เทียบเท่าหลอดไฟแอลอีดี LED ที่ใช้ไฟเพียง 5 วัตต์เท่านั้น***
2) ลักษณะขั้วหลอดไฟ
หลอดไฟแอลอีดี LED ที่มีขั้วแบบมาตรฐานให้เลือกใช้กับโคมไฟแบบต่างๆ
3) แสงนวลหรือแสงสีขาว
แสงของหลอดไฟส่วนใหญ่ จะมี 2 แสง คือ แสงนวล Warm White และ แสงขาว Day light หลอดไฟแอลอีดี LED สีวอร์มไวท์จะให้แสงนวลตาและอบอุ่นเหมาะแก่การพักผ่อน สีคูลไวท์หรือแสงเดย์ไลท์นั้นเหมาะใช้ในบริเวณที่ต้องการแสงสว่างมากๆ เช่น โต๊ะทำงานหรือห้องครัว ฯลฯ
4) หลอดขาวขุ่นหรือหลอดใส
หลอดไฟแอลอีดีแบบใสเหมาะสำหรับโคมไฟที่ออกแบบมาให้สร้างลวดลายบนผนังยามเปิดไฟ ส่วนหลอดขุ่นให้แสงที่สม่ำเสมอ
5) ต้องใช้สวิตช์หรี่ไฟหรือไม่
หลอดไฟแอลอีดีมีหลอดไฟแอลอีดีที่หรี่ไฟได้(dimmable) และหรี่ไม่ได้(non dimmable) เพียงสังเกตุที่สัญลักษณ์บนบรรจุภัณฑ์หรือรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าบนหน้าเว็บไซต์
6) เลือกรูปทรงหลอดไฟ
หลอดไฟแอลอีดีมีหลายรูปแบบ เช่น หลอดจำปา ให้แสงคล้ายแสงเทียนเหมาะสำหรับโคมไฟประดับบ้าน หลอดทรงกลม เหมาะสำหรับโคมไฟและโป๊ะโคมที่ออกแบบมาให้สร้างลวดลายบนผนังยามเปิดไฟ หลอดทรงยาว ให้แสงคล้ายหลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดนีออน เหมาะสำหรับให้แสงสว่างทั่วไป
7) มุมกระจายของแสง โดยปกติแล้วธรรมชาติของหลอดไฟแอลอีดีนั้นเป็นแสงแบบพุ่งตรง แบบที่นำมาทำไฟฉาย คือพุ่งแต่ไม่กระจาย ดังนั้นเวลาไปใช้หลอดไฟแอลอีดีทำทางจริงๆจะสว่างแค่เป็นเฉพาะจุด เรื่องกระจายแสงนี้บางทีอาจจะสำคัญกว่าความสว่างที่จุดใดจุดหนึ่งของหลอดไฟแอลอีดีเสียอีก ทั้งนี้การกระจายแสงขึ้นอยู่กับ รีเฟลกเตอร์ ของโคมไฟแอลอีดีแต่ละรุ่น ซึ่งมีองศาต่างกัน