ในการใช้งานกับระบบโซล่าเซลล์นั้นเป็นระบบไฟฟ้ากระแสตรง ดังนั้นสายที่ใช้จึงจำเป็นต้องเป็นสาย DC คือ สายไฟโซล่าเซลล์ PV1-F เป็นสายไฟสำหรับไฟ DC ออกแบบมาเพื่อระบบโซล่าเซลล์โดยเฉพาะ เป็นสายไฟที่ทำจากทองแดงเคลือบดีบุก หุ้มฉนวน 2 ชั้น ทนความร้อนสูง การออกแบบระบบ จะต้องระมัดระวังในการเลือกชนิดและขนาดสายไฟโซล่าเซลล์ให้เหมาะสม กับระบบโซล่าเซลล์ ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบโซล่าเซลล์ หากเลือกสายไฟที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดความร้อนสูงและเกิดไฟไหม้จากกระแสที่มากเกินได้การใช้สายผิดประเภท เช่น หากนำสาย AC มาแทน DC ซึ่งเป็นการลดต้นทุนโดยผู้รับเหมา ในการติดตั้งใหม่ระยะแรกยังไม่มีปัญหา เนื่องจากสายไฟโซล่าเซลล์ยังใหม่นำไฟได้ดี แต่หากใช้งานไปเรื่อยๆ จะเกิดความร้อนความชื้นสะสม จะเกิดไคลที่ผิวทองแดง เพราะสายไม่ได้เคลือบผิวโดยดีบุก การนำกระแสเริ่มลดลงเรื่อยๆ ได้ไฟน้อยลง การคืนทุนยิ่งยาวนานขึ้น เพราะไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จะวิ่งที่ผิว หากผิวของสายไฟสกปรก กระแสจะไหลผ่านไม่สะดวก ทำให้ต้องรื้อระบบเดินสายใหม่หมด มาใช้สายไฟโซล่าเซลล์ PV สำหรับโซล่าเซลล์โดยเฉพาะงานการติดตั้งระบบผลิตโซล่าเซลล์ ต้องใช้สายไฟโซล่าเซลล์โดยเฉพาะ ต้องมีความสามารถทนอุณหภูมิได้ไม่น้อยกว่า 80 องศาเซลเซียส ซึ่งเรียกสายไฟโซล่าเซลล์ว่า PV หรือ PV1-F
ภายในสาย PV1-F ประกอบด้วยสายเส้นเล็กๆจำนวนมาก ทำให้เหมาะกับไฟฟ้ากระแสตรง (DC) กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ดี เพราะไฟฟ้าระบบกระแสตรง DC จะวิ่งที่ขอบของสายไฟเส้นเล็กๆ มีค่าความสูญเสียการไฟฟ้าน้อยกว่า การใช้สายไฟเส้นใหญ่ๆเพียงเส้นเดียว และสายยังเคลือบด้วยดีบุก เพื่อป้องกันการกัดกร่อน หรือตะไคร่เมื่อเกิดความชื้น สายไฟชนิดนี้สามารถทนอุณหภูมิ ทั้งภายในและภายนอกสายไฟได้ สูงมากกว่า 90 องศาเซลเซียส รวมถึงการเลือกใช้ขนาดสายไฟ และการต่อเชื่อมที่ถูกต้อง จะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องไปดูแลรักษาระบบเป็นเวลานาน และปลอดภัยตลอดอายุการใช้งาน การเลือกชนิดและขนาดสายไฟได้ถูกต้อง จะช่วยเพิ่มสมรรถนะ และความเชื่อถือของระบบเซลล์แสงอาทิตย์ โดยสายไฟจะต้องมีขนาดเพียงพอ ที่จะให้ปริมาณไฟฟ้ามากที่สุด ไหลไปตามสายไฟได้ และเกิดการสูญเสียแรงดันในสายไฟน้อย รวมถึงสายไฟควรมีระยะสั้นเท่าที่จำเป็น เนื่องจากสายไฟมีความต้านทานอยู่ จึงต้องมีแรงดันในการผลัก ให้กระแสไหลไปตามสายไฟ ถ้าความต้านทานของสายไฟมากขึ้น ยิ่งต้องใช้แรงดันมากขึ้น ทำให้เกิดปริมาณความสูญเสียเนื่องจากแรงดันตกในสายมากขึ้น
*หมายเหตุ แรงดันตกในสาย = กระแสไฟฟ้า x [0.02 x ความยาว(m) / พื้นที่หน้าตัด (mmˆ2)]
เหตุผลที่ทำให้การถ่ายเทพลังงานไม่มีประสิทธิภาพ
สายไฟหรือตัวนำไฟฟ้า คือ โลหะหรือวัสดุที่ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ หรือเป็นสื่อในการส่งกระแสไฟฟ้าจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เปรียบเหมือนน้ำให้น้ำไหล ดังนั้น ถ้าท่อน้ำเล็กไปน้ำก็ไหลไม่สะดวก ใหญ่ไปก็ฟุ่มเฟือย สายไฟก็เช่นกัน หากกระแสไฟฟ้าหรือกำลังไฟฟ้าสูง ถ้าเราใช้สายไฟไม่เหมาะสมหรือใช้สายไฟเส้นเล็กเกินไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือการสูญเสียพลังงานหรือพลังงานมาถึงที่ใช้งานไม่พอ
สิ่งที่เราเห็นอยู่บ่อยๆในเรื่องการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าคือไฟปลายสายมักตก(ที่จริงมันตกอยู่ในสาย) หรือ สายไฟร้อนมากเมื่อใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายเครื่องหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าวัตต์สูงๆ ซึ่งมักมีสาเหตุมาจาก
1. สายไฟจากแผงโซล่าเซลล์มายัง Solar Charge ถ้าเล็กไป ไฟก็มาถึงระบบควบคุมน้อย ระบบควบคุมก็ส่งพลังงานไฟฟ้าไปเก็บในแบตเตอรี่น้อยตามไปด้วย
2. สายไฟจาก Solar Charge ไปแบตเตอรี่ ถ้าเล็กไป ถึงแม้จะมีไฟจากโซล่าเซลล์มากก็จะมีไฟไปชาร์จน้อยเพราะถูกจำกัดจากขนาดสายไฟที่เล็กเกินไป
3. สายไฟจากแบตเตอรี่ไป Inverter ถ้าเล็กไม่เหมาะสม Inverter ก็แปลงไฟไปให้ Load ไม่ได้เต็มที่ Inverter จะเสียเร็วและ Load ก็ทำงานไม่ได้เต็มที่ (เพราะไฟตก)