อินเวอร์เตอร์(Inverter) นั้นเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงจากไฟฟ้ากระแสตรงเป็นกระแสสลับ ซึ่งถูกนำมาใช้กับระบบโซล่าเซลล์ โดยรับพลังงานไฟฟ้ากระแสตรงจากแผงเซลล์แสงอาทิตย์จากนั้นก็แปลงเป็นกระแสสลับไปยังโหลดต่างๆเพื่อนำไปใช้งานหรือขายให้แก่การนั้นไฟฟ้า ในการแปลงนั้นพลังงานไฟฟ้านั้นพลังงานกระแสตรงเรียกว่าด้านอินพุตและพลังงานของกระแสสลับเรียกว่าด้านเอาท์พุต พลังงานที่ออกมาด้านเอาท์พุตจะไม่เท่ากับอินพุตเนื่องจากประสิทธิภาพของอินเวอร์เตอร์ เช่น อินเวอร์เตอร์ มีประสิทธิภาพ 92 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่า อินเวอร์เตอร์รับกำลังไฟฟ้ากระแสตรงจากแผงเซลล์แสงอาทิตย์เข้าด้านอินพุต 1000 W กำลังของกระแสสลับที่เหลือจากการแปลงในด้านเอาท์พุต คือ 920 W
ปัจจัยในการเลือกซื้ออินเวอร์เตอร์ที่มีผลต่อประสิทธิภาพ
1.ค่าป้องกันกระแสกระชาก – เนื่องจากโหลดไฟฟ้าตามบ้านนั้นอาจจะมีโหลดบางตัวที่ค่ากระแสที่มากกว่าปกติเวลาที่เริ่มเปิดใช้งาน เช่น โหลดที่มีมอเตอร์เป็นส่วนประกอบ ได้แก่ มอเตอร์ปั๊มน้ำ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศหรืออื่นๆ ดังนั้นในการเลือกอินเวอร์เตอร์จะต้องดูค่าที่ป้องกันกระแสไฟกระชาก (Surge Power) ว่ามีอัตราอยู่ที่เท่าไร ส่วนมากอินเวอร์เตอร์จะออกแบบมาให้ทนกับกระแสที่สูงในช่วงเวลาสั้นๆได้ กระแสกระชากนี้เมื่อใช้งานอินเวอร์เตอร์ไปนานๆอาจจะทำให้ประสิทธิภาพลดลงหรืออินเวอร์เตอร์พังเสียหายได้
2.ค่าแรงดันขาเข้า (Input) แรงดันขาออก (Output)และความถี่ของอินเวอร์เตอร์ – แรงดันขาเข้า(กระแสตรง)ควรเลือกให้สอดคล้องกับแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงที่มาจากแผงโซล่าเซลล์ ผ่านเครื่องควบคุมการชาร์จและแบตเตอรี่ เช่น ระบบออกแบบไว้ที่ 24 โวลท์ก็ต้องเลือก แรงดันไฟฟ้าขาเข้าของอินเวอร์เตอร์ที่ 24 โวลท์เช่นกัน ส่วนเรื่องแรงดันเอาท์พุตซึ่งเป็นแรงดันกระแสสลับของอินเวอร์เตอร์จะต้องเลือกให้เข้ากับโหลดไฟฟ้ากระแสสลับที่เราจะนำไปต่อด้วย โดยอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าตามบ้านในประเทศไทยโดยทั่วไปจะใช้แรงดัน 220 V และความถี่ 50 Hz
3.ค่าความร้อนที่มีผลต่อประสิทธิภาพของอินเวอร์เตอร์ – เมื่ออินเวอร์เตอร์ทำงานเป็นเวลานานทำให้ร้อนขึ้นและร้อนสะสม อาจจะทำให้อินเวอร์เตอร์หยุดการทำงานได้ ดังนั้นควรหาอินเวอร์เตอร์ที่มีระบบระบายความร้อนที่ดี เช่น อินเวอร์เตอร์ที่มีพัดลมระบายความร้อน จะทำให้อินเวอร์เตอร์มีอายุการใช้งานที่ยืนยาวขึ้น
4.ค่าความเพี้ยนของรูปคลื่นแรงดันไฟฟ้าเอาท์พุตของอินเวอร์เตอร์ (Total Harmonic Distortion – THD) – ค่านี้จะมีผลทำให้โหลดที่มีขดลวดเป็นส่วนประกอบในการทำงานเสียหายได้ เช่น มอเตอร์ไฟฟ้ามีความร้อนสูงขดลวดอาจจะไหม้ได้ เมื่อค่า THD สูง โดยทั่วไปแล้วค่า THD ต้องน้อยกว่า 15-20 เปอร์เซนต์
5.ค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (Power Factor) – มีผลกับประสิทธิโดยรวมของอินเวอร์เตอร์ในการจ่ายพลังงานให้กับโหลด ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกอินเวอร์เตอร์ที่มีค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ไม่น้อยกว่า 0.7
6.การบำรุงรักษา – ควรเลือกอินเวอร์เตอร์ที่มีเสถียรภาพในการจ่ายไฟฟ้าเต็มพิกัดที่สูง คือไม่มีไฟฟ้าสะดุดเวลาใช้งานหรือเสียหายได้ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับอินเวอร์เตอร์ ก็ควรพิจาณาเรื่องการซ่อมแซมและบำรุงรักษา เนื่องจาก ถึงแม้จะมีประกัน การซ่อมภายในประเทศจึงมีราคาแพงศูนย์ซ่อมในประเทศยังไม่มี ตัวอย่าง datasheet ของอินเวอร์เตอร์
ตารางความเหมาะสมในการเลือกอินเวอร์เตอร์