โดยปกติเราจะแบ่งประเภทแผงโซล่าเซลล์ตามประเภทของเซลล์เป็น 2 ชนิด
คือ 1.1 เซลล์แบบคริสตัลไลน์ 1.2 เซลล์แบบฟิลม์บาง
1.เซลล์แบบคริสตัลไลน์
ประเภทคริสตัลไลน์นั้น แบ่งเป็น 2 ประเภทย่อยๆคือ
1.1 เซลล์แบบโมโนคริสตัลไลน์
แผงโซล่าเซลล์ชนิดนี้ที่ทำมาจาก ผลึกซิลิกอนเชิงเดี่ยวหรือบางทีก็เรียกว่า single crystallineซึ่งสังเกต แต่ละเซลล์ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมตัดมุมทั้งสี่มุมและมีสีเข้มทำมาจากซิลิกอนที่มีความบริสุทธิ์สูง โดยเริ่มจากแท่งซิลิกอนรูปทรงกระบอก เกิดจากกระบวนการกวนให้ผลึกเกาะกันที่แกนกลาง ที่เรียกว่า Czochralski process ทำให้เกิดแท่งทรงกระบอก จากนั้นจึงนำมาตัดให้เป็นสี่เหลี่ยมและลบมุมทั้งสี่ออก เพื่อที่จะทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และลดการใช้วัตถุดิบในการผลิตลงด้วยก่อนที่จะนำมาตัดเป็นแผ่นอีกที
ข้อดี
– แผงโซล่าเซลล์ชนิด มีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะผลิตมาจาก ซิลิกอนเกรดดีที่สุด โดยมีประสิทธิภาพเฉลี่ยอยู่ที่ 15-20%
– แผงโซล่าเซลล์ชนิด โมโนคริสตัลไลน์ มีประสิทธิภาพต่อพื้นที่สูงสุด เพราะว่าให้กำลังสูงจึงต้องการพื้นที่น้อยที่สุดในการติดตั้ง
– แผงโซลล่าเซลล์ชนิดนี้ โมโนคริสตัลไลน์ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เกือบ 4 เท่า ของชนิด ฟิล์มบางหรือ thin film
– แผงโซล่าเซลล์ชนิด โมโนคริสตัลไลน์ มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 25 ปีขึ้นไป
– แผงโซล่าเซลล์ชนิด โมโนคริสตัลไลน์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากว่าชนิด โพลีคริสตัลไลน์ เมื่ออยู่ในภาวะแสงน้อย
ข้อเสีย
– แผงโซล่าเซลล์ชนิดนี้ เป็นชนิดที่มีราคาแพงที่สุด ในบางครั้งการติดตั้งด้วย แผงโซล่าเซลล์ชนิด โพลีคริสตัลไลน์ หรือชนิด thin film อาจมีความคุ้มค่ามากกว่า
– ถ้าหาก แผงโซล่าเซลล์ชนิดนี้ มีความสกปรกหรือถูกบังแสงในบางส่วนของแผง อาจทำให้วงจรหรือ inverter ไหม้ได้ เพราะอาจจะทำให้เกิดโวลต์สูงเกินไป
1.2 เซลล์แบบโพลีคริสตัลไลน์
แผงโซล่าเซลล์ชนิดนี้ ทำมาจากผลึกซิลิกอน โดยทั่วไปเรียกว่า โพลีคริสตัลไลน์แต่บางครั้งก็เรียกว่า มัลติ-คริสตัลไลน์ โดยในกระบวนการผลิต จะนำเอา ซิลิกอนเหลว มาเทใส่โมลด์ที่เป็นสี่หลี่ยมก่อนที่จะนำมาตัดเป็นแผ่นบางอีกที จึงทำให้เซลล์แต่ละเซลล์เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ไม่มีการตัดมุม สีของแผงจะออก น้ำเงิน ไม่เข้มมาก
ข้อดี
– แผงโซล่าเซลล์ชนิดนี้ มีขั้นตอนกระบวนการผลิตที่ง่าย ไม่ซับซ้อน จึง ใช้ปริมาณซิลิกอน ในการผลิตน้อยกว่า เมื่อเทียบกับ ชนิด โมโนคริสตัลไลน์
– แผงโซล่าเซลล์ชนิดนี้ มีประสิทธิภาพในการใช้งาน ในที่อุณหภูมิสูง ดีกว่า ชนิด โมโนคริสตัลไลน์ เล็กน้อย
– แผงโซล่าเซลล์ชนิดนี้ มีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับ ชนิด โมโนคริสตัลไลน์
ข้อเสีย
– แผงโซล่าเซลล์ชนิดนี้ มีประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 13-16% ซึ่งต่ำกว่า เมื่อเทียบกับชนิด โมโนคริสตัลไลน์
– แผงโซล่าเซลล์ชนิดนี้ มีประสิทธิภาพต่อพื้นที่ต่ำกว่า ชนิด โมโนคริสตัลไลน์
– แผงโซล่าเซลล์ชนิดนี้ มีสีน้ำเงิน ทำให้บางครั้งอาจดูไม่สวยงาม เมื่อเทียบกับ ชนิด โมโนคริสตัลไลน์ และชนิดฟิล์มบาง ที่มีสีเข้ม เข้ากับสิ่งแวดล้อม
2.แผงโซล่าเซลล์ชนิด ฟิล์มบาง
แผงโซล่าชนิดนี้ เป็นการนำเอาสารที่สามารถแปลงพลังงานจากแสงเป็นกระแสไฟฟ้า มาฉาบเป็นฟิล์มหรือชั้นบางๆ ซ้อนกันหลายๆชั้น เรียกว่า โซล่าเซลล์ชนิดนี้ว่า ฟิล์มบาง หรือ thin film ซึ่งสารฉาบที่ว่านี้ก็มีด้วยกันหลายชนิด ชื่อเรียกของ แผงโซล่าเซลล์ ชนิดฟิล์มบางจึงแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชนิดวัสดุที่นำมาใช้ ได้แก่ อะมอร์ฟัส Amorphous silicon (a-Si),Cadmium telluride (CdTe),Copper indium gallium selenide (CIS/CIGS) และ Organic photovoltaic cells (OPC)ด้านประสิทธิภาพของ แผงโซล่าเซลล์ ชนิดฟิล์มบางนั้น มีประสิทธิภาพเฉลี่ยอยู่ที่ 7-13% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่นำมาทำเป็นฟิล์มฉาบ แต่สำหรับบ้านเรือนโดยทั่วไปแล้ว มีเพียงประมาณ 5% เท่านั้น ที่ใช้แผงโซล่าเซลล์ ที่เป็นแบบชนิดฟิล์มบาง
ข้อดี
– แผงโซล่าเซลล์ชนิดนี้ มีราคาถูกกว่า เพราะสามารถผลิตจำนวนมากได้ง่ายกว่า ชนิดผลึกซิลิกอน
– ในที่อากาศร้อนมากๆ แผงโซล่าเซลล์ ชนิด ฟิล์มบาง มีผลกระทบน้อยกว่า
– ไม่มีปัญหาเรื่อง เมื่อแผงสกปรกแล้วจะทำให้วงจรไหม้
ข้อเสีย
– แผงโซล่าเซลล์ชนิด นี้มีประสิทธิภาพต่ำ
– แผงโซล่าเซลล์ชนิดนี้ มีประสิทธิภาพต่อพื้นที่ต่ำสิ้นเปลืองค่าโครงสร้างและอุปกรณ์อื่นๆ ดังนั้น จึงไม่เหมาะนำมาใช้ตามหลังคาบ้าน เพราะมีพื้นที่จำกัด
– การรับประกันสั้นกว่าชนิด ผลึกซิลิกอน