เชื่อไหมว่าเรื่องของหลอดไฟหรือโคมไฟนั้นเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่เราคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการให้แสงสว่างที่เราเดินทางไปทุก ๆ ที่ในตอนกลางคืน ให้ความสว่างในการทำงานในออฟฟิส หรือแม้กระทั่งที่บ้านของเราเองเมื่อเรากลับถึงบ้านก็ย่อมต้องการความรู้สึกว่าบ้านดีสว่างไสวและอบอุ่นเช่นเดียวกันดังนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกับโคมไฟกันดีกว่าว่าจริง ๆ แล้วมีกี่ชนิดกันแน่ เคยได้ยินว่าโคมไฟแอลอีดีนั้นประหยัดไฟน่ะจริงเท็จแค่ไหนและที่สำคัญถ้าเราต้องเลือกซื้อโคมไฟเวลาที่เราเดินเข้าไปในแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เต็มไปด้วยหลอดไฟเกือบร้อยชนิดนั้น เราจะเลือกโคมไฟแบบไหนที่คุ้มค่าที่สุดให้ความสว่างที่เหมาะสมกับการใช้งานและที่สำคัญแบบไม่น่าเชื่อคือช่วยลดโลกร้อนได้ด้วยอีกทางหนึ่งด้วยนะ
เรามาเริ่มจากการทำความรู้จักชนิดของหลอดไฟกันก่อนเลยนะ ว่าหลอดไฟที่ขายอยู่ในปัจจุบันนี้ตามท้องตลาดนั้นมีกี่ประเภทกัน เท่าที่เราทราบข้อมูลจากเวปไซต์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตนั้นหลอดไฟที่ขายกันในท้องตลาดตอนนี้แบ่งออกเป็น 5 ชนิด คือ หลอดไส้ที่แสงเป็นสีเหลืองนวลหลอดกลมๆ ที่เราอาจจะเคยคุ้นกันตั้งแต่สมัยโบราณที่ผ่านมา, หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของหลอดตะเกียบที่เราคงได้ยินการรณรงค์ให้เป็นหลอดไฟที่แทนที่การใช้งานหลอดไส้, หลอดความเข้มสูง HID (High Intesity Discharge) ที่ใช้ในพื้นที่ที่ต้องการความสว่างสูงมาก ๆ และหลอดหรือโคมไฟแอลอีดี(LED) ซึ่งก็คือโคมไฟที่เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดกันวันนี้นั่นเองว่าเป็นอย่างไรและด้วยความที่โคมไฟนี้นั้นสามารถปรับรูปแบบในการใช้งานได้หลายแบบรวมถึงยังเป็นหลอดไฟที่นิยมใช้ในการตกแต่งภายในกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันเราจึงควรมาทำความรู้จักเจ้าหลอดไฟที่ว่ากันดูก่อนว่ามันมีคุณสมบัติเด่นอย่างไรกันบ้างและด้วยอายุการใช้งานได้แบบยืนยาวเราจึงคาดการณ์ว่าในปีนี้หลอดไฟที่ว่านั้นจะเป็นหลอดไฟที่มียอดการใช้งานสูงที่สุดและประกอบกับข้อมูลวิจัยจากแม็กคินสกี้ (Mckinsey) ที่ช่วยยืนยันผลของการบรรเทาภาวะโลกร้อนด้วยว่าหลอดแอลอีดีนี้มีต้นทุนต่ำที่สุดที่ช่วยในการลดภาวะโลกร้อนจึงเป็นอีกสามเหตุที่เราควรต้องรู้จักข้อดีกันก่อน
ข้อดีของโคมไฟแอลอีดีนั้นเนื่องจากโคมไฟนี้มีประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างสูงถึง 80-120 ลูเมน/วัตต์และการพัฒนาการส่องสว่างของหลอดไฟชนิดนี้เป็นไปด้วยความรวดเร็วจึงคาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะมีประสิทธิภาพการส่องสว่างที่เหนือกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ก็เป็นได้และในขณะที่การใช้งานหลอดฟลูออเรสเซนต์นั้นยังมีเรื่องของสารพิษพวกไอปรอทที่บรรจุอยู่ภายในจึงต้องให้ความระมัดระวังในการกำจัดถือเป็นขยะพิษชนิดหนึ่งจึงถือได้ว่าหลอดแอลอีดีให้ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ามาก ส่วนความสามารถในการควบคุมคุณภาพของแสงที่ปล่อยออกมาจากหลอดแอลอีดีก็สามารถทำได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าด้วยคือเราสามารถที่จะหรี่แสงสว่างได้ตามที่เราต้องการ เรื่องของการปล่อยความร้อนที่เกิดขึ้นนั้นต้องยอมรับว่าหลอดแอลอีดีนั้นปล่อยความร้อนออกมาน้อยมากทำให้การใช้งานในอาคารเราสามารถประหยัดพลังงานในการใช้งานเครื่องปรับอากาศเพื่อลดอุณหภูมิได้อีกด้วยเมื่อเทียบกับหลอดไฟชนิดอื่น ๆ แล้ว เรื่องของอายุการใช้งานหลอดเองก็เช่นกันหลอดแอลอีดีนั้นสามารถใช้วานได้นานถึง 50,000-100,000 ชั่วโมงหรือถ้าเราลองคำนวณคร่าว ๆ ก็ประมาณ 11 ปีซึ่งถ้าเรามาเทียบกับการใช้งานหลอดไฟชนิดอื่น ๆ เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ที่มีอายุการใช้งานอยู่ที่ 30,000 ชั่วโมง หรือหลอดไฟแบบขดลวดที่มีอายุการใช้งานอยู่ที่ 1,000-2,000 ชั่วโมงเราจึงสามารถเทียบความยาวนานในการใช้งานที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลย เรื่องของการทนแรงสั่นสะเทือนเองก็เช่นกันโคมไฟแอลอีดีนั้นสามารถได้ความทนทานต่อการสั่นสะเทือนได้มากกว่าหลอดไฟชนิดอื่น ๆ จึงเหมาะสมอย่างยิ่งในการติดตั้งการใช้งานยานพาหะนะที่มีการเคลื่อนไหว หรือบางทีผ่านการทุบดีแล้วก็ยังสามารถส่องสว่างอยู่ได้เช่นเดิมเช่นในเครื่องบิน ในรถยนต์เพราะไม่เปราะบางขาดง่ายเหมือนหลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดไปแบบขดลวด การใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อให้เกิดความสว่างเองก็ยังสามารถใช้ไฟ DC แรงต่ำจึงถือว่ามีความปลอดภัยในการใช้งานที่ค่อนข้างสูง ส่วนเรื่องของสีสันนั้นก็สามารถเลือกสีได้หลายหลายตามความต้องการใช้งานได้เลยโดยที่ไม่จำเป็นต้องมี Filter สีเพราะสามารถเปลี่ยนสีได้และขนาดของหลอดแอลอีดีเองนั้นก็ยังมีขนาดเล็กมากด้วยจึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในการใช้งานด้านการออกแบบและการตกแต่งภายใน หรือในเรื่องของการให้ความสว่างได้ในทันทีที่เราเปิดสวิทช์และในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำนั้นโคมไฟแอลอีดีจึงเป็นหลอดไฟที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการใช้งานทำไฟกระพริบ ทำไฟฉุกเฉิน หรือไฟในตู้แช่หรือตู้เย็นและที่สำคัญที่สุดยังมีรังสี UV และ Infrared ในปริมาณที่ต่ำมากอีกด้วยจึงทำให้แสงที่ส่องสว่างออกมาไม่เป็นอันตรายต่อวัสดุที่ส่อง
ของทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงด้านเดียวดังนั้นเราลองมาดูกันว่าแล้วเจ้าโคมไฟแอลอีดีที่ว่านี้มีข้อเสียบ้างรึเปล่าแล้วข้อเสียที่ว่านี้คุ้มกันกับการตัดสินใจเพื่อเลือกเจ้าหลอดไฟที่ว่านี่มาใช้งานรึเปล่าซึ่งสำหรับข้อเสียแรกนั้นมองเห็นได้อย่างชัดเจนมากคือเรื่องของราคาที่แพงกว่าหลอดไฟชนิดอื่น ๆ และการเปล่งแสงสว่างของหลอดเองที่ยังมาสามารถเปล่งสีขาวอย่างแท้จริงได้จึงต้องใช้วิธีการเปล่งสีขาวแบบทางอ้อมแทนจึงทำให้การใช้งานเพื่อทดแทนการใช้งานหลอดไผแบบอื่นยังต้องอาศัยเวลาแบบค่อยเป็นค่อยไป
หลังจากที่เราทราบข้อดีและข้อเสียของหลอดแอลอีดีกันไปบ้างแล้วลองมาทำความรู้จักกับชนิดของโคมไฟแอลอีดีดูบ้างดีกว่าว่ามีกี่ชนิดกันบ้าง เริ่มที่ชนิดแรกกันก่อนคือ Replacement Lamp ซึ่งก็คือหลอดแอลอีดีที่เราสามารถนำมาใช้แทนหลอดไฟเดิมที่เราใช้งานอยู่ได้เลยมีหลายรูปแบบแต่ที่จริงแล้วหลอดแอลอีดีชนิดนี้ยังไม่สามารถใช้งานได้เต็มความจุของเม็ดหลอดแอลอีดีซักเท่าไหร่และแสงที่เราได้จะเป็นแบบ Warm White ถัดมาคือ Downlight ที่ต้องมีตัวถังโคมเป็นตัวระบายความร้อนซึ่งในการใช้งานต้องเปลี่ยนทั้งโคมของ Downlight เดิมและนิยมใช้กับแหล่งจ่ายไฟที่เป็นกระแสไฟแบบคงที่ส่วนแสงที่เราได้จะเป็นแบบ Warm White เช่นกัน ชนิดถัดมาจะเป็น Accent & Track light หรือแบบไฟรางที่เรามักใช้ในการแสดงสิ่งของในบริเวณที่ต้องการแสงส่องให้โดดเด่นนั่นเองโดยส่วนมากแล้วหลอดแอลอีดีชนิดนี้จะใช้แทนหลอดฮาโลเจนที่สามารถให้ค่าความสว่างที่สูงมากแต่ให้ความร้อนที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดมาก ถัดมาคือ Furniture Application ที่เหมาะในการส่องไปยังตัวสินค้าเพื่อใช้ในการจัดแสดงให้ลูกค้าชมโดยแสงที่ส่องออกมากจะไม่มี UV และ Infrared จึงไม่เป็นอันตรายต่อผลิตภัณฑ์ที่ต้องหลีกเลี่ยงแสงนี้ เช่น ภาพวาด เครื่องสำอาง หรือยารักษาโรคต่าง ๆ ประหยัดพลังงานที่ใช้อย่างมากเมื่อเทียบกับหลอดฮาโลเจนไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อยและยังสามารถซอกซอนเข้าไปตามซอกหรือมุมต่าง ๆ เพื่อการจัดแสดงแสงอย่างที่เราต้องการได้มากกว่าที่สำคัญแสงจากหลอดแอลอีดีนี้ยังส่งผลกระทบให้เพชร พลอย หรือทองคำเปล่งประกายได้มากกว่าด้วย แบบที่ใช้ในตู้เย็นโชว์สินค้า หรือตามตู้แช่ต่าง ๆ นอกจากเรื่องของการประหยัดพลังงานแล้วยังสามารถเลือกอุณหภูมิสีของหลอดแอลอีดีให้สอดคล้องกับสินค้าที่จัดแสดงได้ด้วย ส่วนแบบ Cover light หรือการใช้งานในป้ายไฟจะเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขนาดเล็กยากต่อการเข้าถึงเพื่อไม่ต้องกังวลเรื่องของการบำรุงรักษาและยังสามารถเลือกสีที่หลากหลายของหลอดแอลอีดีให้เหมาะกับป้ายที่เราต้องการใช้งาน และเรื่องของราคาเองก็อาจจะบอกแบบคร่าว ๆ ได้ว่าโคมไฟแอลอีดีมีราคาสูงกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ประมาณ 10 เท่าแต่ถ้าเรามาดูที่ความคุ้มทุนในการใช้งานแล้วล่ะก็มีความคุ้มค่ามากกว่ากันเยอะเพราะด้วยอายุการใช้งานที่ยาวนานต่างกันมากและการประหยัดพลังงานไฟฟ้าในการใช้งานต่อเดือนอีกด้วย
การเลือกใช้งานหลอดไฟภายในบ้านนั้นนอกจากการเลือกการใช้งานตามการออกแบบ สีสันที่เราต้องการสื่ออารมณ์แล้วความคุ้มค่าในการใช้งานก็ย่อมเป็นอีกเหตุผลที่เราควรที่จะพิจารณาด้วยเช่นกันเพราะเราต้องเปิดไฟในบ้านทุกวันหรือในบางบ้านต้องเปิดไฟทั้งวันในบางห้องด้วยซ้ำไป เราลองมาทำความรู้จักหลอดไฟอีกหนึ่งประเภทคือโคมไฟแอลอีดีที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราประหยัดพลังงานในการใช้ไฟฟ้าและมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวมากเมื่อเทียบกับการใช้งานหลอดไฟชนิดอื่น ๆ ว่ามันคืออะไร และทำไมเราจึงควรเปลี่ยนมาใช้เจ้าหลอดชนิดนี้กัน